รีวิว กิจกรรมวันอาทิตย์

กิจกรรมธรรมะสุขสันต์วันอาทิตย์

 

7 ตุลาคม 2555

 

ธรรมะสวัสดี ชาววัดตรีวิสุทธิธรรมค่า เพิ่งผ่านไปหมาดๆ กับกิจกรรมธรรมะสุขสันต์วันอาทิตย์เมื่อวันที่ 7/10/2555 ....ใครได้ไปร่วมกิจกรรมบ้าง ขอเสียงหน่อยเร้ววว

 

กิจกรรมธรรมะสุขสันต์วันอาทิตย์นี้ ทางวัดตรีวิสุทธิธรรมได้จัดขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อให้สมาชิกทุกคนในครอบครัว ได้มาร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่นปล่อยปลา สวดมนต์ วาดรูป ฟังนิทานฯลฯ

 

กิจกรรมที่ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากทุกคนในครั้งนี้ คือ การทำบุญปล่อยปลา โดยปลาที่ปล่อยทั้งหมดนั้นพระครูพิทักษ์ศาสนวงศ์ ได้เมตตาตั้งกองทุนประเดิม สำหรับปล่อยปลาและไถ่ชีวิตสัตว์เป็นทาน 50,000 บาทในครั้งแรกนี้ทางทีมงาน ได้ซื้อปลา เต่า และปู มาปล่อยจำนวน 10 กิโลกรัม ซึ่งก่อนที่จะทำการปล่อยปลากัน ได้มีการทำพิธีถวายปลาที่จะปล่อยแก่คณะสงฆ์เพื่อเป็นสังฆทาน โดยมีพระอาจารย์สุวรรณ เป็นประธานในพิธี

 

หลวงพ่อเมตตาให้ถวายสัตว์เหล่านี้เป็นสังฆทานเพื่อกุศลอันยิ่งของผู้ร่วมบุญ เพราะเมื่อเจ้าปู ปลา เต่า เป็นของสงฆ์แล้ว ก็ห้ามไม่ให้มีผู้ใดทำอันตรายได้ บริเวณสระนั้นก็ถือเป็นเขตอภัยทาน ซึ่งจะได้ปักป้ายกันต่อไป

 


 

ก่อนถวายสังฆทาน พระอาจารย์สุวรรณได้เทศน์ถึงอานิสงค์ของการช่วยชีวิตสัตว์

 

ระหว่างพิธีรับสังฆทานปลา มีเจ้าปลาช่อนตัวดีกระโดดออกจากถังสังฆทาน มาหล่นแปะอยู่บนพื้นซะหลายหน ทำเอาทีมงานต้องไล่จับกันอลเวง พระอาจารย์สุวรรณหัวเราะก่อนจะบอกว่า “สงสัยปลาอยากจะลงน้ำแล้ว”...เมื่อทำพิธีกรรมเรียบร้อยพวกเราจึงได้เคลื่อนย้ายขบวนไปปล่อยปลากัน ณ บริเวณหลังอาคารวิทยุ ก่อนที่เจ้าปลาอยากจะกระโดดออกมาเริงร่าท้าลมอีกรอบ สีหน้าท่าทางของทุกคนที่มีโอกาสได้ร่วมพิธีปล่อยปลา ต่างดูสดชื่น อิ่มบุญ ถามใคร ใครก็บอกว่า “รู้สึกดีที่ได้ทำ” “อยากทำอีก...” บางคนบอกว่า “ก่อนหน้านี้ก็เคยทำบ่อยๆ ได้ทำทีไรก็รู้สึกดีทุกครั้ง” “ทำแล้วอิ่มใจ จริงๆ” พี่คนหนึ่งกล่าวว่า “หลังจากวันนี้ ผมจะไม่กินปลาช่อนอีก” เป็นการให้สัตว์ปฏิญาณกับตัวเอง ที่ทำให้ทุกคนที่ได้ยินต่างยินดีและขอร่วมอนุโมทนาในบุญนั้น ความคิดเห็นส่วนหนึ่งของผู้ร่วมทำบุญปล่อยปลา “รู้สึกดีมาก รู้สึกทุกคนที่มา มาด้วยจิตดีมีเมตตาต่อสัตว์ ทุกคนพร้อมที่จะทำ เพื่อให้สัตว์เค้ามีชีวิตต่อได้ ชีวิตหนึ่งที่ถูกปล่อย มันเป็นอิสระ ไม่ถูกกักขัง เหมือนกับย้อนมาดูที่ตัวเราว่า ถ้าเราถูกกักขังเหมือนกับสัตว์ เราก็ทนไม่ได้ทุรนทุราย และที่สำคัญที่สุดคือ เราช่วยชีวิตเค้า เหมือนกับสัตว์ที่กำลังจะตายกำลังจะหมดลมหายใจเนี่ย เค้าย่อมทรมาน ย้อนกลับมาดูที่เรา ถ้าเรากำลังจะตาย แล้วมีคนมาช่วยเราเนี่ย โอ้โห มันปิติมหาศาล ....



 

หลวงพ่อท่านเป็นประธาน ท่านให้ไว้เลยสิบกิโล นี่คือความเมตตาที่ท่านมี ท่านอยากให้เราทำตรงนี้ เพราะมันเป็นหนึ่งในศีลข้อที่หนึ่ง ถ้าทุกคนในโลกทำได้ตรงนี้ ศีลข้อหนึ่ง บ้านเมืองจะสงบสุขมาก เพราะทุกคนมีเมตตา เข้าข่าย เมตตา มุทิตา กรุณา อุเบกขา เค้าจะไม่ทำร้ายซึ่งกันและกัน ความผาสุกจะเกิดขึ้น ณ ตรงนี้ อยากให้วัดนี้เป็นจุดเล็กๆ ที่เป็นจุดเริ่มต้น อยากให้ทุกคนทำกิจกรรมตรงนี้

 

ทุกอาทิตย์ต้นเดือนจะมีกิจกรรมเช่นนี้ ปล่อยปลาเสร็จก็จะมีสวดพาหุง 108 มีเทศน์ที่พระอาจารย์ท่านเทศน์ อยากให้ทุกคนทำกิจกรรมตรงนี้”

 

 


 

“รู้สึกมีความสุข เหมือนเราได้ให้ชีวิตเค้าแล้ว”

“รู้สึกดี เหมือนมีกำลังใจที่จะทำดีต่อไป เห็นคนอื่นปล่อยก็อยากจะทำบ้างค่ะ”

"รู้สึกดี รู้สึกสบายใจ เราได้ทำให้เค้าเป็นอิสระ" "รู้สึกโล่ง โปร่งใจ จากที่เค้าจะถูกฆ่า เราเอามาปล่อยแบบนี้"

 


"ทำบุญสนุกมาก เจอเพื่อนเยอะ"

"รู้สึกดี มาอยู่ร่วมกันได้ บางคนอาจจะคิดว่ามาอยู่วัดฟังธรรม เมื่อย แต่มันไม่ใช่เรื่องจริงเลย มันไม่เมื่อย มันสนุก แล้วใจเราก็สะอาด สงบ ได้รู้จักกับผู้คนมากมาย ได้เรียนรู้ในหลายสิ่ง ทั้งด้านดีและไม่ดี บางคนอาจจะไม่ดีมาก็มาปรับ ณ ตรงจุดนี้ได้"

"รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจมากครับ"

 


 

เมื่อปล่อยปลาเสร็จเรียบร้อย ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปทานอาหาร ก่อนที่จะมาช่วยกันสวดพาหุง108จบ ณ บริเวณศาลาทรงธรรม การสวดพาหุง108จบ ซึ่งจัดขึ้นโดย ชมรมสวดมนต์พิทักษ์ พิทักษ์โลก ได้เริ่มขึ้น เวลา12.15 มีคนให้ความสนใจเข้าร่วมพอสมควร ทันทีที่ได้เวลา เสียงสวดพาหุงดังก็ดังกระหึ่มขึ้นอย่างฮึกเหิม ราวกับต้องการประกาศถึงชัยชนะของพระพุทธองค์ที่สามารถชนะมารมาได้แล้วถึง2600ปี เวลาผ่านไป หลายคนที่มาร่วมสวดมนต์ต่างมาช่วยผลัดกันขึ้นมานำสวดอย่างสามัคคี เพื่อให้การสวดดำเนินไปได้อย่างราบรื่น

 


 

“เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฉฐะคาถา โยวาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันทีหิตวานะเนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิโมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปัญโญ...”

 

 

 

พาหุง108จบ ได้จบลงเมื่อเวลาประมาณ17.00 น. ทุกคนที่ร่วมสวดตั้งแต่ต้นจนจบต่างมีสีหน้าเบิกบาน ยินดี ระหว่างนั้น คณะตัวแทนได้ขึ้นกราบและรายงานหลวงพ่อ ว่า มีการสวดมนต์พาหุงฯ ณ บริเวณศาลาทรงธรรม ท่านได้เมตตาเทศน์ว่า “สวดให้หวานเหมือนมังคุด” หลังการสวดมนต์เสร็จสิ้น ทุกคนที่มาร่วมสวดมนต์ต่างมาถ่ายรูปร่วมกันเป็นที่ระทึก เอ๊ย ระลึกด้วยรอยยิ้มที่ระบายเต็มใบหน้า ระหว่างนั้นบางคนแอบกระซิบบอกว่า “กิจกรรมดีๆแบบนี้ ...น่าจะมีบ่อยๆนะ” ก่อนจะเดินทางกลับบ้านกันอย่างมีความสุข ความคิดเห็นส่วนหนึ่งของผู้ร่วมสวดพาหุง 108 จบ

 


 

"สวดแล้วรู้สึกประทับใจและมีความสุข ช่วงที่เราสวดก็รู้สึกทำให้เรามีพลัง ขนลุก ไม่เหนื่อย อยากจะสวดต่อ ไม่อยากหยุดเลย ประทับใจ มีความสุข แบบเห็นทุกคนยิ้มให้กัน ร่วมมือร่วมใจกัน เดินสวนกันก็ยิ้มให้กันทั้งๆที่ไม่รู้จักกัน ปิติในธรรม เหมือนคนครอบครัวเดียวกัน มาตรงนี้แล้วมีความสุขมาก"

“เป็นชมรมที่น่ารัก ยิ้มแย้มแจ่มใส มาแล้วประทับใจ ก็อยากจะชวนให้มาร่วมชมรมสวดมนต์ พิทักษ์ พิทักษ์โลก แล้วจะได้อะไรๆกลับบ้าน อย่างที่ไม่เคยได้มาก่อน อย่างวันนี้พี่ได้ มันปัจจัตตังนะ มันพูดออกมาไม่ได้ คุณอยากได้แบบเราคุณต้องมาสัมผัสเอง”

“สวดคนเดียวอยู่ที่บ้านมันง่วงนอนมากเลย ก็คิดในใจว่า สวดคนเดียวมันง่วง ต้องมีเพื่อนสวด ก็สมใจอย่างที่ได้คิด ตอนนี้ก็ได้มาสวดพร้อมกับน้องๆ ไม่ง่วงเลย...แล้วก็ทำให้เรามีพลังในการสวด แล้วก็กลับไปปฏิบัติที่บ้านต่ออย่างนี้ ได้สิ่งดีๆกลับไป ปลื้มมาก”

“ปิติ บอกไม่ถูก...ได้บุญกุศล ได้ทำทาน ได้ฝึกสมาธิจิตตัวเองด้วย...กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ดีมากๆ”

 

 

ดังนั้น ใครอยากมีความสุข อิ่มบุญพร้อมกับอิ่มใจแบบนี้ อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมธรรมะสุขสันต์วันอาทิตย์ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือนนะคะ

 

ธรรมะสวัสดีค่ะ